หนองในเทียม
(Chlamydia infection เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อย
มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อเรียกว่า คลามัยเดีย ทราโคมาทิส (Chlamydia tra chomatis) โรคหนองในเทียมมักจะไม่ปรากฏอาการให้เห็นอย่างชัดเจน
แต่มักจะก่อให้เกิดการทำลายระบบอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้หญิงอย่างมาก
จนอาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก ในผู้ ชายอาการที่อาจพบได้
คือมีน้ำลักษณะคล้ายหนองไหลออกจากอวัยวะเพศได้
เชื้อต้นเหตุ เชื้อที่เป็นสาเหตุสำคัญบ่อยที่สุด คือ
คลามีเดีย ทราโคมาทิส (Chlamydia
trachomatis) นอกจากนี้
ยังมีเชื้อยูเรียพลาสมายูเรียไลทิคุม (Ureaplasma
urealyticum)
ระยะฟักตัว นานประมาณ ๗-๑๔ วัน
ลักษณะอาการ ผู้ป่วยมักจะมีอาการแสบหรือรู้สึกขัดเวลาถ่ายปัสสาวะและมีหนองใสๆ
บางรายมีอาการคันในท่อปัสสาวะ หรือมีรอยแดงๆ
บริเวณปากท่อปัสสาวะ มักมีหนองไหลในตอนเช้าๆ
ในบางรายอาจมีเชื้ออยู่โดยไม่มีอาการก็ได้ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อคลามีเดีย
บางคนอาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น เกิดการอักเสบลุกลามไปยังต่อมลูกหมาก
ถุงอัณฑะ ทำให้เกิดเป็นหมันตามมา ในหญิงที่ติดเชื้อนี้มักไม่แสดงอาการชัดเจน
บางรายจะมีตกขาวมาก ตรวจพบปากมดลูกอักเสบ
เชื้ออาจลุกลามเข้าสู่อวัยวะภายใน เกิดการอักเสบของอวัยวะสืบพันธุ์ในช่องเชิงกราน
ทำให้เกิดอาการไข้ ปวดท้องน้อย ท่อรังไข่อักเสบตีบตัน
เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกหรือเป็นหมัน นอกจากนี้ถ้ามารดามีเชื้อที่บริเวณปากมดลูก ทารกที่คลอดผ่านออกมาจะได้รับเชื้อเข้าตา
ทำให้เกิดตาอักเสบในระยะแรกคลอด
และถ้าทารกที่ตาอักเสบนี้ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะเกิดโรคกับอวัยวะระบบอื่นได้
ที่สำคัญคือปวดบวม
การติดต่อ ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ นอกจากนั้น
ทารกแรกเกิดอาจได้รับการติดเชื้อจากมารดาก็ได้
การป้องกันและควบคุมโรค เมื่อพบผู้ป่วยจำเป็นต้องให้ยารักษาจนครบกำหนด
และแนะนำให้นำคู่สมรสมาตรวจรักษาด้วย ในระยะที่มีอาการควรงดการร่วมเพศ
ไม่ควรประพฤติสำส่อนทางเพศ และการใช้ถุงยางอนามัยจะช่วยป้องกันโรคได้
มีผู้เป็นหนองในเทียมมากน้อยเพียงใด?
ในสหรัฐอเมริกา หนองในเทียมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบมากที่สุด อย่างไรก็ตามอุบัติการณ์ที่รายงานโดยทั่วไปมักต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะผู้ที่ติดเชื้อมักไม่มีอาการ ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กองควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในประเทศไทย ปี พ.ศ.2548 รายงานอุบัติการณ์ของโรคหนองในเทียมเท่ากับ 26.35% ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าวน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริงเพราะโรคหนองในเทียมมักจะไม่ปรากฏอาการทำให้ผู้ป่วยส่วนหนึ่งไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค
ในสหรัฐอเมริกา หนองในเทียมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบมากที่สุด อย่างไรก็ตามอุบัติการณ์ที่รายงานโดยทั่วไปมักต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะผู้ที่ติดเชื้อมักไม่มีอาการ ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กองควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในประเทศไทย ปี พ.ศ.2548 รายงานอุบัติการณ์ของโรคหนองในเทียมเท่ากับ 26.35% ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าวน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริงเพราะโรคหนองในเทียมมักจะไม่ปรากฏอาการทำให้ผู้ป่วยส่วนหนึ่งไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค