วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

โรคเอดส์ (AIDS)


         โรคเอดส์ (AIDS) เป็นคำในภาษาอังกฤษซึ่งย่อมาจาก acquired immunity   deficiency   syndrome หมายถึง  กลุ่มอาการที่มีการเสื่อมลงของการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่มิได้เป็นโดยกำเนิด    แต่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง อันเป็นเหตุให้ร่างกายติดเชื้อโรคต่างๆ ที่เป็นเชื้อจำพวกฉวยโอกาสได้ง่าย เป็นโรคติดเชื้อชนิดใหม่ ซึ่งเพิ่งมีรายงานเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๔

          เชื้อต้นเหตุ  คือ  เชื้อไวรัสที่เดิมเรียกว่า  เอชที-แอลวี ๓ (HTLV III) มีชื่อเต็มว่า  ฮิวแมน  ที ลิมโฟทรอพิก  ไวรัส    (human T lymphotropic  virus III) เชื้อไวรัสนี้มีชื่อพ้องว่า ลิมฟาดีโนพาที แอสโซซิเอเทด ไวรัส (lymphadenopathy associated virus หรือ LAV) เชื้อนี้จะไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า   ทีลิมโฟไซต์ (T lymphocyte) และผลจากการที่ทีลิมโฟโซต์ของผู้ป่วยถูกทำลาย ทำให้ภาวะภูมิคุ้มกันโรคชนิดหนึ่งที่อาศัยเซลล์ของร่างกายเสื่อมไป ปัจจุบันนี้  คณะกรรมการระหว่างชาติ  ได้ตกลงเรียกชื่อไวรัสนี้ว่า เอชไอวี ซึ่งมีชื่อเต็มว่า ฮิวแมน อิมมูโนเดฟิเชียนซี ไวรัส (HIV; human immunodeficiency  virus)


          ระยะฟักตัว  ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละรายซึ่งยังไม่ทราบแน่นอน แต่อาจนานตั้งแต่ ๖ เดือน ถึง ๕ ปีแล้วจึงเกิดอาการขอโรค



          ลักษณะอาการ  เป็นอาการที่เกิดเนื่องจากมีเชื้อโรคอื่นๆ ฉวยโอกาสในเมื่อร่างกายของผู้นั้นมีภาวะภูมิคุ้มกันโรคลดต่ำลง   อาการแสดงมีหลายรูปแบบด้วยกันคือ  อาการทางเดินหายใจ  เช่น  ปอดอักเสบ อาการทางระบบทางเดินอาหาร  เช่น  อุจจาระร่วงแบบเป็นๆ หายๆ ติดต่อกัน  อาการทางระบบ ประสาทส่วนกลาง  มีไข้ไม่ทราบสาเหตุ นอกจากนี้ผู้ป่วยจะมีน้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ซูบผอม อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และอาจมีต่อมน้ำเหลืองโต  หรือในบางรายอาจพบว่ามีมะเร็งบางชนิดเกิดขึ้นก็ได้ 


          ส่วนมากผู้ป่วยด้วยโรคนี้มักจะตายภายใน ๑-๒  หลังจากเริ่มมีอาการ

         การติดต่อ  ตามปกติเชื้อไวรัสของโรคนี้ จะอาศัยอยู่ในเลือด น้ำอสุจิ และน้ำลายของผู้ป่วย การติดต่อส่วนใหญ่ติดต่อกันโดยการร่วมเพศกับผู้ป่วย และพบมากในกลุ่มรักร่วมเพศ (homosexual) นอกจากนี้อาจติดโรคได้จากการรับเลือดจากผู้ป่วย การใช้เข็มฉีดยาที่สกปรกร่วมกัน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ติดยาเสพติดที่ฉีดสารเสพติดเข้าเส้นเลือด เชื้ออาจเข้าทางแผลในปาก โดยการจูบกับผู้ป่วย และถ้ามารดาป่วยก็สามารถถ่ายทอดเชื้อนี้ไปสู่ทารกในครรภ์ได้



        การป้องกันและควบคุมโรค สำหรับประชาชนทั่วไป ควรถือปฏิบัติดังต่อไปนี้
        ๑. หลีกเลี่ยงการร่วมเพศกับผู้ป่วยหรือสงสัยว่าป่วย  หรือที่อยู่ในแวดวงใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเอดส์    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มชายที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ
        ๒. หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาเข้าเส้นร่วมกันในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติด
        ๓. หลีกเลี่ยงการจูบปากกับผู้ที่สงสัยว่าป่วยเป็นโรคเอดส์
        ๔. ผู้ที่สงสัยว่าเป็นโรคเอดส์ ห้ามบริจาคหรือให้เลือดกับผู้อื่น