โรคเอดส์ (AIDS) เป็นคำในภาษาอังกฤษซึ่งย่อมาจาก acquired immunity deficiency syndrome หมายถึง กลุ่มอาการที่มีการเสื่อมลงของการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่มิได้เป็นโดยกำเนิด แต่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง อันเป็นเหตุให้ร่างกายติดเชื้อโรคต่างๆ ที่เป็นเชื้อจำพวกฉวยโอกาสได้ง่าย เป็นโรคติดเชื้อชนิดใหม่ ซึ่งเพิ่งมีรายงานเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๔
เชื้อต้นเหตุ คือ เชื้อไวรัสที่เดิมเรียกว่า เอชที-แอลวี ๓ (HTLV III) มีชื่อเต็มว่า ฮิวแมน ที ลิมโฟทรอพิก ไวรัส ๓ (human T lymphotropic virus III) เชื้อไวรัสนี้มีชื่อพ้องว่า ลิมฟาดีโนพาที แอสโซซิเอเทด ไวรัส (lymphadenopathy associated virus หรือ LAV) เชื้อนี้จะไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า ทีลิมโฟไซต์ (T lymphocyte) และผลจากการที่ทีลิมโฟโซต์ของผู้ป่วยถูกทำลาย ทำให้ภาวะภูมิคุ้มกันโรคชนิดหนึ่งที่อาศัยเซลล์ของร่างกายเสื่อมไป ปัจจุบันนี้ คณะกรรมการระหว่างชาติ ได้ตกลงเรียกชื่อไวรัสนี้ว่า เอชไอวี ซึ่งมีชื่อเต็มว่า ฮิวแมน อิมมูโนเดฟิเชียนซี ไวรัส (HIV; human immunodeficiency virus)
ระยะฟักตัว ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละรายซึ่งยังไม่ทราบแน่นอน แต่อาจนานตั้งแต่ ๖ เดือน ถึง ๕ ปีแล้วจึงเกิดอาการขอโรค
ลักษณะอาการ เป็นอาการที่เกิดเนื่องจากมีเชื้อโรคอื่นๆ ฉวยโอกาสในเมื่อร่างกายของผู้นั้นมีภาวะภูมิคุ้มกันโรคลดต่ำลง อาการแสดงมีหลายรูปแบบด้วยกันคือ อาการทางเดินหายใจ เช่น ปอดอักเสบ อาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น อุจจาระร่วงแบบเป็นๆ หายๆ ติดต่อกัน อาการทางระบบ ประสาทส่วนกลาง มีไข้ไม่ทราบสาเหตุ นอกจากนี้ผู้ป่วยจะมีน้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ซูบผอม อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และอาจมีต่อมน้ำเหลืองโต หรือในบางรายอาจพบว่ามีมะเร็งบางชนิดเกิดขึ้นก็ได้
ส่วนมากผู้ป่วยด้วยโรคนี้มักจะตายภายใน ๑-๒ หลังจากเริ่มมีอาการ
การติดต่อ ตามปกติเชื้อไวรัสของโรคนี้ จะอาศัยอยู่ในเลือด น้ำอสุจิ และน้ำลายของผู้ป่วย การติดต่อส่วนใหญ่ติดต่อกันโดยการร่วมเพศกับผู้ป่วย และพบมากในกลุ่มรักร่วมเพศ (homosexual) นอกจากนี้อาจติดโรคได้จากการรับเลือดจากผู้ป่วย การใช้เข็มฉีดยาที่สกปรกร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ติดยาเสพติดที่ฉีดสารเสพติดเข้าเส้นเลือด เชื้ออาจเข้าทางแผลในปาก โดยการจูบกับผู้ป่วย และถ้ามารดาป่วยก็สามารถถ่ายทอดเชื้อนี้ไปสู่ทารกในครรภ์ได้
การป้องกันและควบคุมโรค สำหรับประชาชนทั่วไป ควรถือปฏิบัติดังต่อไปนี้
๑. หลีกเลี่ยงการร่วมเพศกับผู้ป่วยหรือสงสัยว่าป่วย หรือที่อยู่ในแวดวงใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มชายที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ
๒. หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาเข้าเส้นร่วมกันในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติด
๓. หลีกเลี่ยงการจูบปากกับผู้ที่สงสัยว่าป่วยเป็นโรคเอดส์
๔. ผู้ที่สงสัยว่าเป็นโรคเอดส์ ห้ามบริจาคหรือให้เลือดกับผู้อื่น