กิน ปักเป้าน้ำจืด ระวังอันตรายถึงชีวิต
มีรายงานเมื่อวันที่
21 มิ.ย. 2558
ผศ.ภาสกร แสนจันแดง
อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์และวิศวกรรมศาสตร์ สาขาการประมง
มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขต หนองคาย เปิดเผยว่า ปลาปักเป้านั้นมีทั้งปลาน้ำจืด
และปลาทะเล ซึ่งปักเป้าน้ำจืดที่พบในหนองน้ำธรรมชาติ มีทั้งหมด 8 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ปักเป้าทอง, ปักเป้าจุดส้ม,
ปักเป้าขน, ปักเป้าปากดำ, ปักเป้าเป้า, ปักเป้าท้องตาข่าย, ปักเป้าบึง และปักเป้าควาย ทุกสายพันธุ์ ล้วนมีสารพิษที่เรียกว่าซาซิโทซิน
โดยจะอยู่ทั่วทุกส่วน ของตัวปลาและพิษของปลาปักเป้าไม่สามารถถูกทำลาย
ด้วยความร้อนได้แม้ว่าจะปรุงให้สุกก็ตาม ซึ่งลุ่มน้ำชี
และเขื่อนลำปาวจะพบปลาปักเป้าชุกชุม ส่วนในแม่น้ำโขง ก็พบปลาปักเป้าบ้างเล็กน้อย
ความเชื่อของคนอีสานยังเข้าใจว่า ปลาปักเป้านั้นกินได้บางสายพันธุ์
โดยชาวบ้านที่นำปลาปักเป้ามารับประทานจนต้องนำส่งโรงพยาบาลนั้นเป็นปักเป้าเป้าและปักเป้าบึง
ซึ่งความ จริงแล้วทุกสายพันธุ์ล้วนอันตรายถึงชีวิต
ทางด้าน นพ.วิวรรธน์ ก่อวิริยกมล
นายแพทย์ สสจ.หนองคาย กล่าวเพิ่มเติมว่า หากนำปลาปักเป้ามาปรุงอาหาร
เป็นการเสี่ยงรับพิษโดยตรงจากตัวปลา จะเกิดอาการอาเจียนอย่างรุนแรง
มีอาการชาตามลำตัว ถ้านำส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
และถ้ารับประทานในปริมาณมาก อัตราการเสียชีวิตยิ่งสูงมากขึ้นไปด้วย
เพราะทุกส่วนของตัวปลามีพิษที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ประสาท
พิษจะเข้าไปยับยั้งการทำงานของโซเดียม ทำลายวงจรเซลล์ประสาท
ระบบสั่งการของสมองและอวัยวะควบคุมประสาทและสมองโดยตรง รุนแรงถึงขั้นหยุดหายใจได้
ความอันตรายขึ้นอยู่กับปริมาณการรับประทานด้วย หากรับประทานปลาปักเป้า 1 ขีด อัตราการตายมีมากกว่าร้อยละ
50 ดังนั้น ถ้าไม่มั่นใจว่าปลาปักเป้าไหนมีพิษ
จึงควรหลีกเลี่ยงนำมารับประทานจะดีที่สุด